วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
อาการ ๓๒
(นำ) หันทะ มะยัง ทะวัตติงสากา. ระปาฐัง ภะณามะเส ฯ
อะยัง โข เม กาโย กายของเรานี้แล
อุทธัง ปาทะตะลา เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา
อะโธ เกฐะมัตถะกา เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป
ตะจะปะริยันโต มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ
ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน เต็มไปด้วยของไม่สะอาด
มีประการต่างๆ
อัตถิ อิมัสสะมิง กาเย มีอยู่ในกายนี้
๑.เกสา ผมทั้งหลาย
๒.โลมา ขนทั้งหลาย
๓.นะขา เล็บทั้งหลาย
๔.ทันตา ฟันทั้งหลาย
๕.ตะโจ หนัง
๖.มังสัง เนื้อ
๗.นะหารู เอ็นทั้งหลาย
๘.อัฏฐี กระดูกทั้งหลาย
๙.อัฏฐิมิญชังเยื่อในกระดูก
๑๐.วักกัง ม้าม
๑๑.หะทะยัง หัวใจ
๑๒. ยะกะนัง ตับ
๑๓.กิโลมะกัง พังผืด
๑๔.ปิหะกัง ไต
๑๕.ปัปผาสัง ปอด
๑๖.อันตัง ไส ้ใหญ่
๑๗.อันตะคุณัง ไส้น้อย
๑๘.อุทะริยัง อาหารใหม่
๑๙.กะรีสัง อาหารเก่า
๒๐. ปิตตัง น้ำดี
๒๑.เสมหัง น้ำเสลด
๒๒. ปุพโพ น้ำเหลือง
๒๓.โลหิตัง นำเลือด
๒๔.เสโท น้ำเหงื่อ
๒๕.เมโท น้ำมันข้น
๒๖.อัฐสุ น้ำตา
๒๗.วะสา น้ำมันเหลว
๒๘.เขโฬ น้ำลาย
๒๙.สิงฆาณิกา น้ำมูก
๓๐.ละสิกา น้ำไขข้อ
๓๑.มุตตัง น้ำมูตร
๓๒.มัตถะเก มัตถะลุงคัง เยื่อในสมอง
อะยัง โข เม กาโย กายของเรานี้อย่างนี้
อุทธัง ปาทะตะลา เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา
อะโธ เกสะมัตถะกา เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป
ตะจะ ปะริยันโต มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ
ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน เต็มไปด้วยของไม่สัอาด
มีประการต่างๆ อย่างนี้แลฯ
วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561
คาถาต่อชะตาอายุ (อุณหิสสะวิชะยะ)
คาถาสืบชะตา-ต่ออายุ (อุณหิสสะวิชะยะ)
อุณหิสสะวิชะยะคาถา
อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย ธัมโม โลเก อะนุตตะโร สัพพะสัตตะหิตัตถายะ ตัง ตวัง คัณหาหิ เทวะเต ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ อะมะนุสเสหิ ปาวะเก พะยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต อะกาละมะระเณนะ วา สัพพัสมา มะระณา มุตโต ฐะเปตวา กาละมาริตัง ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา สุทธะสีลัง สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง ธาระณัง วาจะนัง คะรุง ปะเรสัง เทสะนัง สุตวา ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ..
พระคาถาบทนี้ อยู่ในสมัยพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเมตตาให้เทวดาองค์หนึ่งที่กำลังหมดอายุขัย จะต้องลงไปเสวยกรรมในนรก แต่เทวดาองค์นี้ มีความกลัวมากที่จะต้องลงไปเกิดใน เมืองนรกจึงดิ้นรนทุกวิถีทาง ที่จะไม่ไปแต่ก็ไม่มีใครจะช่วยเหลือได้ แม้แต่องค์ พระอินทร์ แต่ยังโชคดีที่ได้พบพระพุทธเจ้า และทรงแนะให้ภาวนาคาถาบทนี้ จะได้มีอายุยืนยาวนานต่อไป เพื่อที่จะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ บำเพ็ญภาวนา ใช้หนี้กรรมที่มีอยู่ ให้หมดไป
พระคาถาบทนี้ จึงมีพุทธานุภาพมาก ในเรื่องของการมีอายุยืนยาวและยังทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอย่างง่าย ๆ อีกด้วย ผู้ที่มีสุขภาพไม่ดี หรือขี้โรค หรือป่วยเป็นโรคที่รักษายากแล้ว ควรหมั่นท่องภาวนาเป็นประจำ จะหายได้โดยเร็ววัน
คาถาพระอุณหิสสวิชัย ผู้ใดเขียนไว้ก็ดี นึกอยู่ในใจก็ดี ทำสักการะบูชาก็ดี ท่องบ่นทรงจำไว้ก็ดี หรือได้สวดภาวนาเช้า-ค่ำก็ดี หรือได้สดับรับฟังพระธรรมเทศนาอันผู้อื่นสำแดงก็ดี ล้วนล้วนสามารถคุ้มครองป้องกัน อกาลมรณะ ไม่ต้องตายในวัยเด็ก วัยหนุ่ม วัยสาว และมีอายุยืนยาวถึงแก่เฒ่า มีสติไม่หลงตาย”
............................................................................
อานิสงส์คาถาอุณหิสสวิชัย
ในสมัยหนึ่งพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่เหนือพระแท่นศิลาอาสน์ภายใต้ต้นปาริกชาติ ณ ดาวดึงสพิภพ ตรัสพระสัทธรรม เทศนา อภิธรรม 7 คัมภีร์ โปรดพุทธมารดา
ในกาลครั้งหนึ่งนั้นมีเทพบุตรองค์หนึ่ง นามว่าสุปติฏฐิตา ได้เสวยทิพย์สมบัติอยู่ชั้นดาวดึงส์มาช้านาน ก็อีก 7 วัน จะสิ้นบุญจุติจากดาวดึงส์ ลงไปอุบัติในนรกเสวยทุขเวทนาอยู่ตลอดแสนปี ครั้นสิ้นกรรมในนรกนั้นแล้วก็จะไปบังเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน 7 จำพวก เสวย วิบากกรรมอยู่ 500 ชาติ ทุกๆจำพวก
ยังมีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อว่า อากาสจารินี ซึ่งเป็นผู้รู้ บุรพกรรมของสุปติฏฐิตาเทพบุตร อาศัยความคุ้นเคยสนิทสนมกลมเกลียวกันตั้งแต่ครั้งเป็นมนุษย์ เคยได้รักษาอุโบสถศีลด้วยกันในอดีตชาติล่วงมาแล้ว มองเห็นอกุศลกรรมตามทัน จะสนองผลแก่สหายของตนก็มีจิตปรานีใคร่จะอนุเคราะห์
จึงเข้าไปสู่สำนักของสุปติฏฐิตาเทพบุตร แล้วก็บอกเหตุที่จะสิ้นอายุภายในอันเร็ว ๆ นี้ ตลอดทั้งที่จะไปเกิดในนรก ครั้งพ้นจากนรกแล้ว จะต้องไปกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานให้ทราบสิ้นทุกประการ
ฝ่ายสุปติฏฐิตาเทพบุตร ได้ทราบเหตุดังนั้นแล้ว ก็มีความสะดุ้งตกใจกลัว คิดปริวิตก บุพพนิมิต 4 ประการ คือ
- ดอกไม้ทิพย์ร่วงโรย ประการหนึ่ง
- สรีระ ร่างกายมัวหมองไม่ผ่องใส ประการหนึ่ง
- ผ้าทิพย์ภูษา เครื่องทรงเศร้าหมองไม่ผ่องใส ประการหนึ่ง
- ครั้งทรงผ้าสไบเข้าก็ร้อนกระวนกระวายไปประการหนึ่ง
บุพพนิมิตเหล่านี้ก็ปรากฏแก่สุปติฏฐิตาเทพบุตร บุพพนิมิต 4 ประการนี้ ปรากฏแก่เทพบุตรหรือเทพธิดาองค์ใดแล้ว เทพบุตรธิดาองค์นั้น จะต้องจุติจากเทวโลกอย่างแน่นอน
เมื่อ สุปติฏฐิตาเทพบุตร ทราบชัดเจนเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่นิ่งนอนใจใคร่จะหาเครื่องป้องกัน จึงเข้าไปสู่สำนักท้าวอเมรินทราธิราชเจ้า ถวายอภิวาทแล้วกราบทูลเหตุการณ์ให้ทรงทราบ แล้วทูลอ้อนวอนขอชีวิตในสำนักอมรินทร์โดยอเนกปริยาย
ท้าวเธอตรัสตอบว่า ชื่อว่าความตายนี้เราเห็นผู้ใหญ่ในสรวงสวรรค์ ก็ไม่อาจห้ามบุพพกรรมอันมีกรรมแรงนี้ได้ เราเห็นอยู่แต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั่ว 3 ภพ พระองค์เสด็จประทับอยู่ใต้ต้นปาริกชาติ มาเราจะพาเข้าเฝ้ากราบทูลอาราธนา ให้พระองค์ทรงช่วยเหลือ
สุปติฏฐิตาเทพบุตร ถือเครื่องสักการบูชาตามเสด็จท้าวอมรินทราธิราช เข้าสำนักพระมหามุนีนาถพระศาสดาจารย์แล้ว กราบทูลเหตุการณ์เหล่านั้น ให้พระองค์ทรงทราบโดยสิ้นเชิง แล้วพระองค์ทรงแสดงบุพพกรรมของ สุปติฏฐิตาเทพบุตร องค์นี้เกิดเป็นมนุษย์มีความเห็นผิด เป็นผู้ประมาทตั้งอยู่ในมิจฉาทิฏฐิเป็นพรานฆ่าเนื้อเบื่อปลาเป็นผู้มีใจแข็งกระด้าง ตบตีบิดามารดาต่อสมณชีพราหมณ์ ไม่ลุกรับนิมนต์ให้อาสนะที่นั่งภิกษุสงฆ์ผู้เข้าไปสู่สำนัก แม้เห็นแล้วก็ทำเป็นไม่เห็นเสีย
ด้วยวิบากผลอกุศลกรรมอันนี้ตามทันเข้า สุปติฏฐิตาเทพบุตรจึงได้ไปเกิดในนรกตลอดแสนปี ครั้นพ้นจากนรกขึ้นมาก็จะไปกำเนิดแห่งสัตว์ 7 จำพวก คือเป็นแร้ง เป็นรุ้ง เป็นกา เป็นเต่า เป็นหนู เป็นสุนัข และเป็นคนหูหนวกตาบอดอย่างละ 500 ชาติ ด้วยอำนาจอกุศลกรรมนั้นแหละ
ขอมหาบพิตรจงทราบด้วยประการฉะนี้
เมื่อท้าวอมรินทร์ทรงทราบแล้ว ก็มีความเมตตาสงสารแก่สุปติฏฐิตาเทพบุตร ยิ่งนัก จึงกราบทูลให้พระองค์ทรงแสดงพระสัจธรรมเทศนาอันจะเป็นที่พึ่งแก่สัตว์โลก ช่วยชีวิตเทพบุตรองค์นี้ไว้ไม่ให้ตายลงภายใน 7 วันนี้ สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสเทศนาคาถาอุณหิสสวิชัย มีใจความดังต่อไปนี้
อุณหิสสะวิชะยะคาถา
อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย ธัมโม โลเก อะนุตตะโร
สัพพะสัตตะหิตัตถายะ ตัง ตวัง คัณหาหิ เทวะเต
ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ อะมะนุสเสหิ ปาวะเก
พะยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต อะกาละมะระเณนะ วา
สัพพัสมา มะระณา มุตโต ฐะเปตวา กาละมาริตัง
ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
สุทธะสีลัง สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร
ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง ธาระณัง วาจะนัง คะรุง
ปะเรสัง เทสะนัง สุตวา ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ
เทวเต ดูกรเทวดาทั้งหลาย พระธรรมนี้ชื่อว่าอุณหิสสวิชัย เป็นยอดแห่งพระธรรมทั้งหลายเป็นประโยชน์แก่สัตว์ทั้งมวล ท่านจงเอาพระธรรมนี้เป็นที่พึ่ง อุตสาห์สวดบ่นสาธยายทุกเช้าค่ำ ย่อมห้ามเสียซึ่งภัยทั้งปวง อันจะเกิดขึ้นจากผีปิศาจหมู่พยัคฆะงูใหญ่น้อย และพญาเสนาอำมาตย์ทั้งหลายจะไม่ตาย ผู้ใดได้เขียนไว้ก็ดี ได้ฟังก็ดี ได้สวดมนต์ภาวนาอยู่ทุกวันก็ดี จะมีอายุยืน เทวเต ดูกรเทวดา ทั้งหลายท่านจงมีความสุขเถิด
อนึ่งบุคคลผู้ใดบูชาแก้วทั้ง 3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี้เป็นยาอันอุดม ย่อมคุ้มครองผู้นั้นให้พ้นจากทุกข์ภัยพยาธิทั้งปวง ด้วยอำนาจพระอุณหิสสวิชัยนี้ จะรักษาคุ้มครองให้ชีวิตของท่านเจริญสืบต่อไป ท่านจงรักษาไว้ให้มั่นอย่าให้ขาดเถิด เมื่อจบพระสัทธรรมเทศนาลง เทวดาทั้งหลายมีท้าวอมรินทร์เป็นประธานได้ดื่มรสแห่งพระสัทธรรมเป็นอันมาก
ฝ่ายสุปติฏฐิตาเทพบุตร มีจิตน้อมไปตามกระแสแห่งพระธรรมเทศนานั้น ได้กลับอัตตภาพใหม่ คือ มีกายอันผ่องใส เป็นเทวบุตรหนุ่มคืนมาแล้วจะมีอายุยืนตลอดไปถึงพระพุทธพระนามว่า ศรีอริยเมตไตรยลงมาตรัสจึงจะจุติจากเทวโลกลงมาสู่มนุษย์โลก เป็นพระอรหันตขีณาสวะองค์หนึ่ง ดังนั้นขอพุทธบริษัททั้งหลาย จงสำเนียกไว้ในใจแล้วประพฤติปฏิบัติในพระคาถา อุณหิสสวิชัย ก็จะสมมโนมัยตามความปรารถนาทุกประการ
แนะนำ :-
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
จวมานสูตร
ที่มา 84000.org
พระคาถาต่ออายุ ฉบับหลวงปู่สรวง
![]() |
หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง |
คำบูชาหลวงปู่สรวง
โยโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา กันตุยธูป กันตุยเตียน กันตุยมะมาย อากู อากู
พระคาถาต่ออายุ
(ฉบับหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน)
อิติปิ โส ภะคะวา พระอาทิตย์เทวา วิญญาณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา พระจันทร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา พระอังคารเทวา วิญญาณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา พระพุธเทวา วิญญาณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา พระพฤหัสเทวา วิญญาณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา พระศุกร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา พระเสาร์เทวา วิญญาณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา พระเกตุเทวา วิญญาณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง
อิติปิ โส ภะคะวา สัมมา สัมพุทโธ
อิติปิ โส ภะคะวา วิชาจะระณะสัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต
อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู
อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง
อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ
อิติปิ โส ภะคะวา ภะคะวา ภะคะวาติ
ที่มาของพระคาถา
พระคาถาต่ออายุฉบับดังกล่าว คัดลอกมาจากหนังสือสวดมนต์ที่หลวงปู่ได้มอบไว้ให้ เมื่อประมาณเดือน กรกฎาคม ๒๕๔๓ ที่บ้านตะเคียนราม บ้านเลขที่ ๕๒ หมู่ ๑๔ ต. ตะเคียนราม อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และประกอบกับหลวงปู่ได้ขอที่จะมาอยู่ด้วยที่บ้านหลังนี้ เพื่อให้หายจากอาการป่วยของหลวงปู่ และตัวผู้รับหนังสือ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคาถาดังกล่าวหมายถึงอะไร?
หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง อีสานใต้
อริยะสงฆ์ผู้อยู่เหนือกาลเวลา 500 พรรษา หลวงปู่สรวงท่าน สงบเงียบ พูดน้อย รักความสันโดษ จึงไม่ค่อยมีใครรู้ถึงความเป็นมาของหลวงปู่สรวง แต่ชาวบ้านจะรู้จักท่านในรูปของนักบวชเชื้อสายเขมร ธุดงค์ตามเทือกเขาพนมดงรัก ข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศ ชาวบ้านเรียกขานท่านตามภาษาเขมรว่า “ลูกเอ๊าะเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ” หมายถึง พระดาบสผู้รักษาศีลและมีเมตตาธรรมสูง แต่คนไทยเรียก “หลวงปู่สรวงเทวดาเดินดิน”
ปัจจุบันท่านได้ละสังขารนอนนิ่งอยู่ที่โลงแก้ว วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ โดยท่านละสังขารวันที่ 8 กันยายน 2543
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
บทอุทิศ บุญ แผ่เมตตา
บทแผ่เมตตาให้แก่ตัวเราเอง อะหัง สุขิโต โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข) อะหัง นิททุกโข โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความท...
-
หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง คำบูชาหลวงปู่สรวง โยโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา กันตุยธูป กันตุยเตี...
-
นะโม เม สัพพะพุทธานังอุปปันนานัง มะเหสินัง ๑. ตัณหังกะโร มะหาวีโร . ๒. เมธังกะโร มะหายะโส ๓. สะระณังกะโร โลกะหิโต ๔. ทีปังกะโร...
-
๑. พุทธานัง ชีวิตัสสะ นะ สักกา เกนะจิ อันตะราโย กาตุง ตถา เม โหตุ อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญานัง อนาคตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโ...