วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

พระคาถาธารณะปริตร


๑. พุทธานัง ชีวิตัสสะ นะ สักกา เกนะจิ อันตะราโย กาตุง ตถา เม โหตุ
อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญานัง
อนาคตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง
ปัจจุบันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง

๒. อิเมหิ ตีหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต

สัพพัง กายะกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง
สัพพัง วจีกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง

สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง

๓. อิเมหิ ฉะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ

พุทธัสสะ ภะคะวะโต
นัตถิ ฉันทัสสะ หานิ นัตถิ ธัมมะเทสนายะ หานิ
นัตถิ วิริยัสสะ หานิ นัตถิ วิปัสสะนายะ หานิ
นัตถิ สมาธิธัสสะ หานิ นัตถิ วิมุตติยา หานิ

๔. อิเมหิ ทะวาทะสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต
นัตถิ ทะวา นัตถิ ระวา นัตถิ อัปผุฏฏัง

นัตถิ เวคายิตัตตัง นัตถิ พะยาวะฏะมะโน

นัตถิ อัปปฏิสังขารุเปกขา


๕. อิเมหิ อัฏฐาระสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต นะโม สัตตันนัง สัมมาสัมพุทธานัง

นัตถิ ตะถาคะตัสสะ กายะทุจริตตัง
นัตถิ ตะถาคะตัสสะ วจีทุจริตตัง
นัตถิ ตะถาคะตัสสะ มะโนทุจริตตัง
นัตถิ อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง
นัตถิ อนาคตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญานัง นัตถิ ปัจจุบันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญานัง
นัตถิ สัพพัง กายะกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง
นัตถิ สัพพัง วจีกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง
นัตถิ สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง
อิมัง ธาระณัง อะมิตัง อะสะมัง สัพพะสัตตานัง ตาณังเลณัง สังสาระ ภะยะภีตานัง อัคคัง มหาเตชัง

๖. อิมัง อานันทะ ธาระณะปริตตัง ธาเรหิ วาเรหิ ปริปุจฉาหิ ตัสสะ กาเย วิสัง นะ กะเมยยะ อุทะเกนะ ลัคเคยยะ อัคคีนะ ทะเหยยะ นานาภะยะวิโก นะ เอกาหาระโก นะ ทะวิหาระโก นะ ติหาระโก นะ จะตุหาระโก นะ อุมมัตตะกัง นะ มุฬะหะกัง มนุสเสหิ อะมนุสเสหิ นะ หิงสะกา

๗. ตัง ธาระณัง ปริตตัง ยถา กะตะเม
ชาโล มหาชาโล ชาลิตเต มหาชาลิตเต ปุคเค มหาปุคเค สัมปัตเต มหาสัมปัตเต ภูตัง คะมะหิ ตะมังคะลัง

๘. อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตตัง สัตตังสะเตหิ สัมมาสัมพุทธโกฏีหิ ภาสิตัง
วัตเต อะวัตเต คันธะเว อะคันธะเว โนเม อะโนเม เสเว อะเสเว กาเย อะกาเย ธาระเณ

อะธารระเณ อัลลิ มิลลิ ติลลิ มิลลิ โยรุกเข มหาโยรุกเข ภูตัง คะมะหิ ตะมังคะลัง

๙. อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตตัง นะวะ นะ วุติยา สัมมาสัมพุทธโกฏีหิ ภาสิตัง ทิฏฐิลา ทัณทิลา มันติลา โรคิลา ขะระลา ทุพพิลา

เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา
....................................................................
           คำแปลคาถาธาระณะปริตร
๑.อันชีวิตแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย อันใครๆ ไม่อาจจะกระทำอันตรายได้ฉันใด ขอชีวิตความเป็นอยู่แห่งข้าพระพุทธเจ้า จงเป็นเหมือนเช่นนั้น อันว่าญาณที่ไม่มีเครื่องกระทบของพระพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมมีในอดีต ในอนาคต ในปัจจุบัน

๒.อันว่ากายกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลาย สามเหล่านี้ มีญาณเป็นประธาน เป็นไปตามญาณ
อันว่าวจีกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบเล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลาย สามเหล่านี้ มีญาณเป็นประธาน เป็นไปตามญาณ
อันว่ามโนกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลาย สามเหล่านี้ มีญาณเป็นประธาน เป็นไปตามญาณ

๓.อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของประโยชน์ที่ประสงค์ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลาย ๖ ประการเหล่านี้
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งการแสดงธรรม ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของความเพียร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของวิปัสสนาญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งกามาวจรและรูปาวจรวิมุตติ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๔.อันว่าการพูดเล่น ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลาย ๑๒ ประการเหล่านี้
อันว่าการพูดพลั้งเผลอโดยขาดสติ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความไม่แพร่หลายในเญยยะธรรม ๕ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าการกระทำใดๆ อย่าผลุนผัน โดยไม่มีการพิจารณาเสียก่อน ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความมีใจวุ่นวายด้วยกิเลส ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าการกระทำที่ไม่มีอุเบกขาในเตภูมิสังขาร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๕.อันว่าความเคารพนอบน้อม ขอจงมีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลาย ๑๒ ประการเหล่านี้ ทั้ง ๗ พระองค์
อันว่ากายทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อันว่าวจีทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อันว่ามโนทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่ในอดีต
อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่ในปัจจุบัน
อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีบุญ ย่อมไม่ในอนาคต
อันว่ากายกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าวจีกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่ามโนกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่า ธารณปริตรนี้ ไม่มีเครื่องเทียบ ไม่มีเครื่องเสมอเหมือน เป็นที่ต่อต้าน เป็นที่หลบซ่อนของสัตว์ ผู้กลัวภัยในสังสารวัฏทั้งหลาย อัคคัง ประเสริฐ มหาเตชัง มีเดชมาก

๖.ดูกรอานนท์ ท่านจงท่องจดจำ สอบถาม ซึ่งธารณปริตรนี้
อันว่ากายของผู้ท่องบทสวดมนต์ธารณปริตรนี้ ไม่พึงตายด้วยพิษงู พิษนาค ไม่พึงตายในน้ำ อันว่าไฟไม่พึงไหม้ เป็นผู้พ้นภัยพิบัติต่างๆ ใครคิดทำร้ายในวันเดียวก็ไม่สำเร็จ ใครคิดร้ายทำลายในสองวันก็ไม่สำเร็จ สามวัน สี่วัน เป็นต้นไป ก็ไม่สำเร็จ ไม่พึงเป็นโรคหลงลืม ไม่พึงเป็นบ้าใบ้ อันมนุษย์ทั้งหลายและอมนุษย์ทั้งหลาย ไม่สามารถเบียดเบียนได้

๗.อันว่าธารณปริตรนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ ชาโล มีอานุภาพเหมือนพระอาทิตย์ ประชุมกัน ๗ ดวง ที่ขึ้นมาในเวลาโลกาพินาศ มหาชาโล มีอานุภาพเหมือนมุ้งเหล็ก ที่สามารถป้องกันภัยจาก เทวดา อินทร์ นาค ครุฑ ยักษ์ เป็นต้น
ชาลิเต มีอานุภาพประหารศัตรูทั้งหลาย
มหาชาลิเต มีอานุภาพให้พ้นจากกัปทั้ง ๓ คือ โรคันตรกัป สัตถันตรกัป และทุพภิกขันตรกัป มีอานุภาพให้พ้นจากโรคต่างๆ ในเวลาปฏิสนธิ คือ การเป็นใบ้ เป็นคนพิการ เป็นคนหูหนวก อีกทั้งไม่พึงตกต้นไม้ ตกเหว ตกเขาตาย สามารถได้สมบัติที่ยังไม่ได้ ทรัพย์สมบัติที่ได้มาแล้วก็จะเจริญโดยความเป็นจริง สามารถประหารความมืด แล้วได้ความสว่าง

๘.ดุกรอานนท์ อันธารณปริตร ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงตรัสไว้พึงสมาคมคนดี ไม่พึงสมาคมคนชั่ว พึงนำมาซึ่งกลิ่นและรสอันเป็นธรรม พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจดี ไม่พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจร้าย พึงทำกายให้เป็นกายดี พึงนำมาแต่สิ่งอันเป็นกุศล ไม่พึงนำมาซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศล พึงฟังแต่สิ่งที่ดี ไม่พึงฟังสิ่งที่ไม่ดี พึงเห็นแต่นิมิตดี ไม่พึงเห็นนิมิตร้าย โยรุกเข ต้นไม้ที่ตายแล้วสามารถฟื้นคืนมาได้ มหาโยรุกเข ต้นไม้ที่ยังเป็นอยู่ ก็ทำให้เจริญงอกงามโดยความเป็นจริง สามารถประหารความมืด และได้ความสว่าง

๙.ดูกรอานนท์ อันธารณปริตรนี้ สามารถรู้ความคิดร้ายของผู้อื่น อาวุธต่างๆ มีเครื่องประหาร เช่น มีด หอก ปืน ไฟ เป็นต้น ไม่สามารถทำอันตรายได้

มันติลา สามารถทำมนต์คาถา ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น สามารถประหารโรคต่างๆ ได้ และโรคร้ายแรงต่างๆ ไม่อาจทำอันตรายได้ ทุพพิลา สามารถหลุดพ้นจากเครื่องผูกมัด  ด้วยอำนาจแห่งสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีมีชัยจงมีแก่ข้าพระพุทธเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทอุทิศ บุญ แผ่เมตตา

บทแผ่เมตตาให้แก่ตัวเราเอง         อะหัง สุขิโต โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข)         อะหัง นิททุกโข โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความท...